จินส์ ชัมซุดดินเกิดวันที่ 5 พฤศจิกายน 1935 ที่รัฐเปรัก เป็นหนึ่งในบุคลากรทรงคุณค่าผู้อุทิศตนยาวนานเคียงคู่วงการภาพยนตร์มาเลเซีย มีบทบาทเด่นทั้งในด้านการแสดง กำกับภาพยนตร์ เขียนบท และอำนายการสร้าง รวมทั้งเคยดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกของมาเลเซีย
อาชีพการแสดงของจินส์ ชัมซุดดินเริ่มต้นในฐานะดาราหน้าใหม่ที่โดดเด่นเมื่อได้รับบทนำในภาพยนตร์สองเรื่องของสตูดิโอมลายูฟิล์มโปรดักชั่นส์ในปี 1957 โดยทั้งสองเรื่องต่างกำกับโดยผู้กำกับภาพยนตร์โด่งดัง คือ Kaseh Sayang กำกับโดยปานี มาจุมดาร์ และเรื่อง Pancha Delima โดย พี. รามลี นับแต่นั้นตลอดยุคสมัยภาพยนตร์มลายูที่สิงคโปร์ ชัมซุดดินรับบทบาทนำและบทบาทเด่นในภาพยนตร์สำคัญหลายต่อหลายเรื่อง และได้ร่วมงานกับผู้กำกับภาพยนตร์มีฝีมือหลายคน จำนวนหนึ่งที่เป็นที่จดจำโดดเด่น เช่น Sarjan Hassan (ลัมเบอร์โต อาเวลลานา, 1958) Lela Manja (จามิล สุหลง, 1960) Si Tanggang (จามิล สุหลง, 1961)
เมื่อผ่านพ้นยุครุ่งเรืองของภาพยนตร์มลายูที่สิงคโปร์ แม้ว่าจินส์ ชัมซุดดินจะยังคงปรากฏตัวบนจอภาพยนตร์อยู่บ้างเป็นระยะ แต่การหันไปเน้นบทบาทเบื้องหลังได้เป็นวิถีงานหลักในยุคภาพยนตร์บนแผ่นดินมาเลเซีย ชัมซุดดินเริ่มก้าวสู่บทบาทผู้กำกับภาพยนตร์ภายใต้ร่มเงาของสตูดิโอเมอร์เดกา กำกับเรื่อง Bukan Salah Ibu Mengandung ในปี 1969 หลังจากนั้นก็ทั้งรับหน้าที่ผู้กำกับภาพยนตร์ อำนวยการสร้าง และเขียนบทสำหรับภาพยนตร์อีกจำนวนหนึ่งมาจนถึงทศวรรษ 1990 โดยในจำนวนนี้ ภาพยนตร์ชุด “Esok” (วันพรุ่งนี้) อันประกอบด้วย Menanti Hari Esok (1977) Esok Masih Ada (1979) Tiada Esok Bagimu (1980) และ Esok Untuk Siapa? (1982) เป็นที่นิยมและประสบความสำเร็จด้านรายได้เป็นอย่างสูง เช่นเดียวกับการอำนวยการสร้าง ร่วมเขียนบท กำกับ และนำแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Bukit Kepong ในปี 1982 ภาพยนตร์อื้อฉาวที่ว่าด้วยการรบพุ่งระหว่างกองโจรคอมมิวนิสต์กับกองกำลังตำรวจมาเลเซียเรื่องนี้ นอกจากจะทำให้ชัมซุดดินได้ขึ้นรับหลายรางวัลจากเทศกาลประกวดภาพยนตร์ในประเทศ พร้อมกันนั้นคือการได้รับป้ายแปะว่าเป็นหนึ่งในบุคลากรวงการภาพยนตร์ที่เป็นตัวแทนของชาตินิยม มลายูนิยม และเชิดชูศาสนาอิสลามอย่างแข็งขันที่สุดคนหนึ่ง
จินส์ ชัมซุดดินเป็นไอคอนสำคัญหนึ่งของภาพยนตร์มลายู โดยเฉพาะในฐานะดาราเจ้าเสน่ห์ และด้วยการแสดงที่โดดเด่นจากบทบาทโกรธเกรี้ยว มุทะลุ และทรงพลัง เขาถูกขนานนามด้วยรัศมีแห่งดาราว่า “ยูล บรินเนอร์แห่งมาเลเซีย” แฟนภาพยนตร์รุ่นเก่ายังจดจำเขาในฐานะ “เจมส์ บอนด์แห่งมลายา/มาเลเซีย/สิงคโปร์” ด้วยในยุคเริ่มเห็นเค้าเสื่อมถอยของวงการภาพยนตร์มลายู นายทุนชอว์บราเดอร์พยายามดิ้นรนสร้างสิ่งใหม่เพื่อดึงดูดผู้ชม หนึ่งนั้นำมาสู่การถือกำเนิดขึ้นของภาพยนตร์ชุด “Jefri Zain” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ “แบบเจมส์ บอนด์” ที่สร้างสรรค์กันออกมาในหลายที่ทั่วทั้งโลกในช่วงเวลาดังกล่าว ชัมซุดดินรับบทบาทสายลับนาม “เจฟรี ซาอิน” ในภาพยนตร์เรื่องแรกของซีรีย์นี้ คือ Jefri Zain dalam Gerak Kilat (จามิล สุหลง, 1966) ความสำเร็จด้านรายได้อย่างงดงามส่งให้เกิดภาพยนตร์แนวสายลับขึ้นมาจำนวนหนึ่ง แต่ที่เป็นที่จดจำมากที่สุดคือการที่ชัมซุดดินสานต่อรับบทนำ Bayangan Ajal (1968) และ Jurang Bahaya (1969) ซึ่งทั้งสองเรื่องกำกับโดยโหล เว่ย ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวฮ่องกง ชอว์บราเดอร์วางแผนขยายกลุ่มผู้ชมให้กว้างขึ้นผ่านการร่วมแสดงด้วยนักแสดงชาวฮ่องกงและผ่านการทำเป็นเวอร์ชั่นจีน พร้อมพากย์เสียงทั้งภาษาอังกฤษ กวางตุ้ง และมลายู
จินส์ ชัมซุดดินเป็นผู้ที่กระตือรือร้นและอุทิศตนในการผลักดันกิจกรรม-กิจการภาพยนตร์มาเลเซียอย่างต่อเนื่องมากที่สุดคนหนึ่ง ทั้งจากการเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ก่อตั้งและเคยดำรงตำแหน่งประธานสมาพันธ์พัฒนากิจการภาพยนตร์แห่งชาติมาเลเซีย (FINAS) เป็นประธานคนแรกของสมาพันธ์ผู้ประกอบการภาพยนตร์มาเลเซีย (Gabungan Karyawan Filem Malaysia—GAFIM) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ FINAS นอกจากนี้ยังเป็นประธานสหภาพผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์แห่งมาเลเซีย (Persatuan Pengeluar Filem Malaysia—PPFM) เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของสมาคมภาพยนตร์แห่งเอเชีย (Asian Motion Pictures Association) และสมาพันธ์ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์แห่งเอเชีย-แปซิฟิก (Federation of Motion Picture Producers in Asia-Pacific—FMPPA) เขาได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติงานด้านภาพยนตร์และวัฒนธรรมหลายรางวัล และแม้ว่าจะยังเห็นได้ถึงความกระตือรือร้นไม่เสื่อมคลาย จินส์ ชัมซุดดินถูกตรวจสอบพบว่าได้ถูกคุกคามด้วยโรคอัลไซเมอร์ในปี 2011
จิรวัฒน์ แสงทอง
กรกฎาคม 2559