ตลาดชายแดนบ้านคลองลึก หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ตลาดโรงเกลือ” ตั้งอยู่ใกล้กับจุดผ่านแดนถาวร บ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว กับ เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา
ในอดีตบริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่เก็บเกลือ สำหรับส่งให้ชาวกัมพูชาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำปลาเค็ม ต่อมาจึงได้เปลี่ยนเป็นตลาดการค้าชายแดนปี 2518 โดยสินค้าที่วางขายส่วนใหญ่เป็นสิ่งของมือสองที่ชาติตะวันตกอย่างสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี รวมทั้งกลุ่มประเทศเอเชีย อย่าง จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลีใต้ บริจาคให้แก่ชาวกัมพูชาเนื่องจากอยู่ในภาวะสงครามภายในประเทศ และพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาก็ได้นำสิ่งของบริจาคเหล่านั้นมาขายต่อในราคาถูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า เครื่องใช้อื่นๆ ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าแบรนด์เนม รวมถึงอาหารจำพวกปลาแห้ง และแมลง ตลาดโรงเกลือจึงกลายเป็นตลาดสินค้ามือสองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง แต่ละวันจะมีพ่อค้าแม่ค้าจากจังหวัดต่างๆ ไปเปิดกระสอบเลือกสิ่งของไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง รวมทั้งยังมีนักท่องเที่ยวมาเลือกชมสินค้าจำนวนมากในแต่ละวันด้วย ตลาดโรงเกลือมีขนาดใหญ่มาก ประกอบด้วย 5 ตลาดย่อยรวมกัน มีร้านค้ากว่า 3,000 ร้าน มีการจัดแบ่งโซนตามประเภทสินค้า ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ทำให้ผู้เลือกซื้อสินค้าต้องเช่ารถจักรยานยนต์หรือรถกอล์ฟสำหรับการเดินทางภายในตลาดโรงเกลือมีผู้ประกอบการทั้งจากฝั่งกัมพูชาและไทยจำนวนมากในตลาดโรงเกลือ เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจภายในหน่วยตลาดดังกล่าว
ในด้านความเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน ตลาดโรงเกลืออยู่บนเส้นทางท่องเที่ยวระหว่างภาคตะวันออกของไทยไปยังเมืองปอยเปต และนครวัด-นครธม ของกัมพูชา ทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการมีการเติบโตขึ้นในบริเวณด่านชายแดน พื้นที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วด้วย
ในแง่ของความสัมพันธ์ข้ามพรมแดนระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ นั้น จะเห็นได้ว่าประชาชนในท้องถิ่น (local player) มีบทบาทสำคัญในฐานะการกำหนดรูปแบบการแลกเปลี่ยน การเจรจาต่อรองในบริบทเศรษฐกิจจุลภาคระดับตลาด เพื่อจุดมุ่งหมายเชิงเศรษฐกิจเพื่อยังชีพ โดยในการพัฒนาเศรษฐกิจและจัดระเบียบตลาดโรงเกลือ ภาครัฐจะต้องปฏิสัมพันธ์กับทั้งประชาชนท้องถิ่น ภาคประชาสังคม เครือข่ายการค้า ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ
แต่ในระยะหลัง เมื่อสงครามและความวุ่นวายภายในประเทศกัมพูชาสิ้นสุดลงช่วงปี 2541 สิ่งของบริจาคที่จะสามารถนำมาขายเป็นสินค้าแบรนด์เนมมือสองก็มีจำนวนลดลง ตลาดโรงเหลือก็เริ่มเปลี่ยนจากตลาดสินค้ามือสองมาเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระเป๋า รองเท้า เสื้อกีฬา เครื่องสำอาง ซึ่งเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่วางขายทั้งหมดแล้ว มูลค่าสูงที่สุดคือ กระเป๋ายี่ห้อต่างๆ รองลงมาคือ แว่นตา/แว่นกันแดด/กรอบแว่นตา รองเท้า และเสื้อผ้า/เสื้อกีฬาที่มีโลโก้ชื่อสโมสรต่างๆ ตามลำดับ
สถานการณ์ดังกล่าวได้กระทบต่อภาพลักษณ์ของภาคเศรษฐกิจไทยในการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเสาหลักประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือในระดับนานาชาติเป็นอย่างมาก อาจนำไปสู่การตัดสิทธิ์ทางการค้าและการแข่งขันในการส่งออกสินค้าของไทย ดังนั้น ในปี 2558-2559 กระทรวงพาณิชย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ฝ่ายทหารและฝ่ายปกครอง ของจังหวัดสระแก้ว จึงได้ร่วมกันปราบปรามจับกุมผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าละเมินลิขสิทธิ์ ภายใต้แผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาจังหวัดสระแก้ว หรือ "สระแก้วโมเดล"ร้านค้าจำนวนมากถูกสั่งปิดกิจการ บางส่วนถูกจับกุมดำเนินคดี นโยบายจัดระเบียบดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับตลาดโรงเกลือให้มีความเป็นสากล ปลอดจากสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นที่ยอมรับในระดับภูมิภาคอาเซียน
จากการปราบปรามอย่างเข้มงวด ระยะแรกทำให้ตลาดโรงเกลือมีสภาพซบเซาลงไป พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาเริ่มทยอยเลิกกิจการและเดินทางกลับไปทำมาหากินในประเทศกัมพูชา แต่ในระยะยาวจังหวัดสระแก้วก็ได้มีโครงการพัฒนาตลาดโรงเกลือให้เป็น “ศูนย์กลางตลาดอาเซียน และศูนย์จำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค ไปยังกัมพูชาและเวียดนาม” โดยปรับเปลี่ยนกลับมาเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้ามือสอง รวมทั้ง สินค้าหัตถกรรม สินค้าโอทอป รวมทั้งสินค้าผัก-ผลไม้ของไทย
ภาพลักษณ์ดังกล่าวสอดคล้องเป็นอย่างยิ่งกับแผนพัฒนาจังหวัดสระแก้ว ที่กำหนดวิสัยทัศน์ในการเป็น“ศูนย์กลางโลจิสติกส์ และแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศของอินโดจีน ถิ่นพืชพลังงาน อาหารปลอดภัย” โดยประกอบด้วยยุทธศาสตร์ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์ให้สามารถดำเนินการขนส่งและกระจายสินค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ตรงเวลาประหยัด และสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคอินโดจีนและด้านการศูนย์กลางเชื่อมโยงการท่องเที่ยวมรดกโลกและวัฒนธรรมขอมของอินโดจีน
อาจกล่าวได้ว่าความพยายามในการเปลี่ยนแปลงตลาดโรงเกลือ สะท้อนถึงการปรับตัวของรัฐ และตลาดชายแดนในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ภัสสร ภัทรเภตรา
สิงหาคม 2559
เอกสารสำหรับค้นคว้าเพิ่มเติม
“ขานรับฟื้นชีพตลาดโรงเกลือ สู่ศูนย์กระจายสินค้าอาเซียน”(http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1465395187)
(http://www.posttoday.com/biz/aec/trade/433457)
“ตลาดโรงเกลือ หรือตลาดชายแดนบ้านคลองลึก”