วังเวียง เป็นเมืองเล็กๆ ในแขวงเวียงจันทร์ ประเทศ สปป.ลาว ห่างจากนครเวียงจันทร์ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศประมาณ 180 กิโลเมตร มีที่ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำซอง มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 8,000 คน ซึ่งรวมถึงชาวลาวเทิ่ง (ลาวภูเขา) ชาวขมุ และชาวม้งเมืองวังเวียงเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1353 และเกิดการเติบโตของเมืองในช่วงเกิดสงครามเวียดนาม ราวทศวรรษที่ 1960 ซึ่งสหรัฐอเมริกาได้เข้ามาตั้งฐานการบินในเมืองแห่งนี้ นำมาซึ่งการพัฒนาด้านสาธารณูปโภค เมื่อสงครามสิ้นสุดลง วังเวียงก็กลายมาเป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวเชิงผจญภัยที่ชื่นชอบการปีนเขาหน้าผาหินปูน และชาวตะวันตกที่ต้องการสัมผัสทัศนียภาพแบบเอเชียของ “กุ้ยหลินเมืองลาว” เนื่องจากวังเวียงมีภาพภูมิประเทศที่คล้ายคลึงกับทิวทัศน์ภูเขาเมืองกุ้ยหลิน ประเทศจีน เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ ภาคเศรษฐกิจของเมืองวังเวียงจึงอาศัยรายได้จากการท่องเที่ยว ควบคู่กับการเกษตรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากทำนาข้าว
กิจกรรมการท่องเที่ยวของวังเวียงมีความหลากหลาย ไม่เป็นจะเป็นการเดินป่า การเที่ยวชมถ้ำ การปีนเขาหินปูน การโหนสลิงข้ามแม่น้ำซอง การว่ายน้ำ การดำนำ การล่องแม่น้ำด้วยห่วงยาง การพายเรือคายัค การนั่งบอลลูน การปั่นจักรยานบนสะพานไม้ การนั่งรถตุ๊กตุ๊กชมเมือง การเยี่ยมชมตลาดผ้าพื้นเมืองลาว สินค้าและอาหารพื้นเมือง การพักผ่อนที่เกสต์เฮ้าส์ โฮมสเตย์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สถานบริการริมแม่น้ำ การศึกษาวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ในหมู่บ้านต่างๆ และการชมฟาร์มเกษตรอินทรีย์ที่มีชื่อเสียง
ช่วงก่อนปี 2012 นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นชาวยุโรป และออสเตรเลีย ที่เดินทางมาตากอากาศและรวมตัวจัดปาร์ตี้ริมแม่น้ำ โดยกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คือ การล่องแม่น้ำด้วยห่วงยาง (river inner-tubing) ซึ่งได้เปิดโอกาสให้ชาวบ้านจากชุมชนหมู่บ้านต่างๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาทำธุรกิจเช่าห่วงยาง เป็นรายได้เสริมจากการทำนาข้าว บางส่วนก็มาสมัครทำงานในเกสต์เฮ้าส์ ร้านอาหาร การจ้างงานดังกล่าวทำให้คนท้องถิ่นมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
แต่ปัญหาใหญ่ของการท่องเที่ยวเมืองวังเวียงก็เกิดขึ้นจากการล่องแม่น้ำด้วยห่วงยาง และวัฒนธรรมการท่องเที่ยวแบบปาร์ตี้ริมน้ำ เพราะนอกจากร้านเช่าห่วงยางริมแม่น้ำแล้ว ก็เกิดการขยายตัวของสถานบริการ ผับ บาร์ ร้านจำหน่ายสุราในสไตล์ตะวันตกโดยผู้ประกอบการชาวตะวันตกขึ้นเป็นแนวแพริมน้ำ ซึ่งสิ่งมึนเมาต่างๆ สามารถ หาซื้อได้โดยง่ายและมีราคาถูก เช่น วิสกี้ เห็ดเมา ฝิ่น ในรูปแบบพิซซ่าหน้าฝิ่น ขนมปังหน้าฝิ่น ยาสูบ ยาเสพติดชนิดต่างๆ ยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศ นักท่องเที่ยววัยรุ่นพากันดื่มกินและจัดปาร์ตี้ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน บ้างอยู่ในสภาพที่เมามายเกือบขาดสติ กึ่งเปลือยกาย เกิดเป็นความสับสนวุ่นวาย ไร้การควบคุม เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ความเป็นเมืองที่เงียบสงบ และความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่น
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวัยรุ่นที่อยู่ในสภาพมึนเมา พากันลงไปล่องห่วงยางโดยควบคุมตัวเองไม่ได้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการจมน้ำ และการพุ่งชนกับก้อนหิน โดยในปี 2011 มีการประมาณการว่ามีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตจากกิจกรรมล่องแม่น้ำด้วยห่วงยางเกือบ 30 คน ภาพความอันตรายของการท่องเที่ยววังเวียงถูกตีแผ่และกล่าวถึงโดยสื่อมวลชนในวงกว้าง
ดังนั้น ในปี 2012 ทางการ สปป.ลาว กำลังตำรวจ จึงได้ปฏิบัติการจัดระเบียบการท่องเที่ยวเมืองวังเวียง โดยการสั่งปิดสถานบริการ ผับ บาร์ ผิดกฎหมายในบริเวณริมแม่น้ำซอง และจับกุมผู้ประกอบการบางส่วน โดยทางการได้ออกกฎว่า นักท่องเที่ยวจะสามารถล่องแม่น้ำด้วยห่วงยางได้ ก็ต่อเมื่อสวมใส่เสื้อชูชีพ และไม่อยู่ในสภาพเมาสุรา นโยบายดังกล่าวทำให้ปัญหายาเสพติด อบายมุขลดลง สิ่งมึนเมาเริ่มหายไปจากเมนูของร้านอาหาร สถานบริการมีการกำหนดเวลาเปิดปิดที่ชัดเจน และการจัดปาร์ตี้เป็นไปอย่างมีขอบเขตแต่ในขณะเดียวกันก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าการกวดขันเข้มงวดทำให้เศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวของ วังเวียงอยู่ในภาวะซบเซา กระทบต่อรายได้นอกภาคเกษตรกรรมของชาววังเวียงไม่ว่าจะเป็นยอดการเช่าห่วงยางที่ลดลงจากที่เคยมีจำนวนสูงสุด 500 ห่วงต่อวัน เหลือเพียง 150 ห่วงต่อวัน ในปี 2012 และความต้องการจ้างงานคนท้องถิ่นก็ลดลงด้วย
อย่างไรก็ดี รัฐบาลลาวก็ได้เริ่มต้นยุทธศาสตร์ใหม่ในการท่องเที่ยววังเวียง โดยการรื้อฟื้นภาพลักษณ์แห่งธรรมชาติและวิถีชีวิตที่เงียบสงบขึ้นมาเป็นเน้นเป็นจุดดึงดูดของวังเวียงอีกครั้ง โดยเน้นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งปรากฏว่าในปัจจุบัน นักท่องเที่ยววัยรุ่นจากตะวันตกที่มุ่งเดินทางการท่องเที่ยวเชิงปาร์ตี้มีจำนวนลดลง ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวเอเชียเดินทางมาวังเวียงมากขึ้น และเน้นที่การพักผ่อนชมธรรมชาติเป็นหลัก
อาจกล่าวได้ว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในวังเวียง สะท้อนถึงการปรับตัวของการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ที่หันมาให้ความสำคัญกับการชูอัตลักษณ์และวิถีท้องถิ่น เน้นความยั่งยืนควบคู่กับการจัดบริการท่องเที่ยวที่ทันสมัย
ภัสสร ภัทรเภตรา
สิงหาคม 2559
เอกสารสำหรับค้นคว้าเพิ่มเติม
“Party over for Vang Vieng”
(http://www.nationmultimedia.com/travel/Party-over-for-Vang-Vieng-30210992.html)
(http://travel.cnn.com/explorations/life/vang-vieng-backpacker-heaven-or-tourist-hell-994621/)