วิสัยทัศน์ 2020 (หรือในภาษามาเลย์คือ Wawasan 2020) เป็นข้อเสนอการพัฒนาเศรษฐกิจของมาเลเซียโดย มหาเธร์ มูหัมมัด นับว่าเป็นยุคที่สามของการพัฒนามาเลเซียในปี ค.ศ. 1991 ซึ่งนโยบายดังกล่าวนี้จะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจและการเมืองของมาเลเซีย โดยมีเป้าหมายนำมาเลเซียสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วภายในปี ค.ศ. 2020 โดยชาวมาเลเซียทุกคนจะต้องมีจิตสำนึกในความเป็นมาเลเซียเหมือน ๆ กัน กล่าวได้ว่า Vision 2020 หรือ วิสัยทัศน์ พ.ศ.2563 คือ วิสัยทัศน์แห่งชาติที่ได้กำหนดอนาคตประเทศมาเลเซียไว้ว่า "มาเลเซียจะต้องเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่พัฒนาแล้วภายในปี พ.ศ.2563 (2020)” โดยมีเป้าหมาย ดังนี้
หนึ่ง มาเลเซียจะต้องเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่พัฒนาแล้วภายในปี พ.ศ.2563 (2020)
สอง อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ 7 ต่อปี (ตามค่าจริง) ทุกปีตลอด 30 ปี จากปี พ.ศ.2533-2563
สาม เศรษฐกิจจะเข้มแข็งขึ้นเป็น 8 เท่า จากปี พ.ศ.2533 ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (Gross Domestic Products – GDP) เท่ากับ 115,000 ล้านริงกิต เมื่อถึงปี พ.ศ. 2563 GDP จะต้องเพิ่มเป็น 920,000 ล้านริงกิต (คิดตามค่าเงินในปี พ.ศ.2533)
พัฒนาการของการประกาศใช้วิสัยทัศน์ 2020 เริ่มต้นจากที่มหาเธร์ได้จัดตั้งสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจแห่งชาติ (National Economic Consultative Council-NECC) ในปี ค.ศ. 1989 โดยมีตนศรี มูหัมหมัด กาซาลี ซาฟี ดำรงตำแหน่งประธาน และใช้เวลาในการร่างข้อเสนอการพัฒนาทางเศรษฐกิจมาเลเซียเป็นเวลา 2 ปี อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้ศึกษาข้อดีของนโยบายเศรษฐกิจเป็นการประกอบในการนำมาเลเซียสู่ประเทศการพัฒนาอย่างสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 2020 ซึ่งแนวคิดของนโยบายเศรษฐกิจใหม่ที่ได้เข้ามาดำเนินกิจการต่อนั่นก็คือ การกำจัดความยากจนโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ และการปรับโครงสร้างทางสังคมเพื่อแก้ปัญหาที่เอาเชื้อชาติไปสัมพันธ์กับหน้าที่และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในการสร้างเอกภาพของชาติต่อไป
วิสัยทัศน์ 2020 มีความพยายามที่จะสร้างเอกภาพของชาติและการปรองดองกันระหว่างเชื้อชาติในสังคม ผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ ในด้านความยุติธรรมทางสังคม ความมั่นคงทางการเมือง และความภูมิใจความมั่นใจแห่งชาติ โดยมหาเธร์ได้แถลงการณ์ประกาศใช้ 9 แนวคิดหลักดังต่อไปนี้คือ
ภายในปี 2020 มาเลเซียจะเป็นประเทศเอกภาพซึ่งประกอบด้วยสังคมที่มั่นคง เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางคุณธรรมจริยธรรมที่แข็งแกร่ง เป็นสังคมเสรีประชาธิปไตยที่มีน้ำอดน้ำทน เมตตา มีความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ ก้าวหน้าและรุ่งเรือง และมีระบบเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งตื่นตัว ยืดหยุ่นและหลากหลายโดยมีหลัก 9 ประการ ที่เป็นเป้าหมายของเรามาตั้งแต่ประกาศเอกราช
หนึ่ง การก่อตั้งชาติเอกภาพมาเลเซียที่มีจิตสำนึกและจุดมุ่งหมายร่วมกัน มีสันติภาพภายในประเทศ ไม่แบ่งแยกเชื้อชาติหรือพรมแดน
สอง การสร้างสังคมมาเลเซียที่รักเสรี มั่นคงและก้าวหน้าทางจิตใจ ศรัทธาและเชื่อมั่นในตนเอง โดยมุ่งที่จะได้มาในสิ่งดีที่สุด
สาม การสร้างและพัฒนาสังคมประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ซึ่งสามารถเป็นแบบอย่างให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาอีกหลายๆ ประเทศได้
สี่ การก่อตั้งสังคมที่เปี่ยมคุณธรรมจริยธรรม ประชาชนศรัทธาในคุณค่าทางจิตวิญญาณและศาสนา ทั้งยังวางตนอยู่ในกฎจริยธรรม
ห้า การก่อร่างสังคมที่มีวุฒิภาวะ เปิดกว้างและเสรี ประชาชนมาเลเซียทุกคน ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา สามารถประกอบพิธีกรรมทางศาสนา หรือปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของตนได้อย่างอิสระเสรี แต่ยังเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวด้วยสำนึกในชาติร่วมกัน
หก การสร้างสังคมวิทยาศาสตร์ที่เจริญก้าวหน้า มีความคิดสร้างสรรค์และวิสัยทัศน์กว้างไกล มิใช่เป็นเพียงผู้เสพเทคโนโลยี หากแต่เป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์อารยธรรมแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในอนาคต
เจ็ด การสร้างสังคมและวัฒนธรรมที่เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา เห็นผลประโยชน์ของส่วนรวมมาก่อนส่วนตน เป็นสังคมที่ความมั่งคั่งมิได้ตกอยู่กับรัฐหรือปัจเจกบุคคลใดๆ แต่ตกอยู่กับระบบสังคมที่ผูกพันกันอย่างแน่นเฟ้นดังเช่นครอบครัว
แปด การรับประกันว่าสังคม จะเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ เป็นสังคมที่กระจายความมั่งคั่งอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
เก้า การก่อร่างสร้างสังคมที่รุ่งเรือง พร้อมด้วยเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งยืดหยุ่น คล่องตัว และมีการแข่งขันสูง
หลังจากการประกาศวิสัยทัศน์ 2020 แล้วนั้นได้สร้างความพอใจให้กับกลุ่มเชื้อชาติต่างๆ ในมาเลเซีย โดยเฉพาะกลุ่มเชื้อชาติจีนและอินเดีย ซึ่งพวกเขาได้มีความคิดที่ว่า รัฐบาลของมาเลเซียไม่ได้กระทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์เฉพาะกลุ่มเชื้อชาติมลายูเพียงเท่านั้น โดยการประกาศใช้วิสัยทัศน์ 2020 จะช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม
ปิยวรรณ กลิ่นศรีสุข
กันยายน 2559
เอกสารสำหรับค้นคว้าเพิ่มเติม
บาร์บารา วัตสัน อันดายา และ ลีโอนาร์ด วาย อันดายา ; พรรณี ฉัตรพลรักษ์, แปล; มนัส เกียรติธารัย, บรรณาธิการ. ประวัติศาสตร์มาเลเซีย. กรุงเทพมหานคร: มูลนิธิโตโยต้า, 2549