พรรคประชายุติธรรม (Parti Keadilan Rakyat) เป็นพรรคการเมืองที่ไม่ยึดถือเชื้อชาติใดเชื้อชาติหนึ่งเป็นหลัก ก่อตั้งในปี 2003 โดยวัน อาซิซะห์ วัน อิสมาอิล ภรรยาของอันวาร์ อิบราฮิม เป็นพรรคที่เกิดจากการรวมตัวของพรรคยุติธรรมแห่งชาติและพรรคประชาชนมาเลเซีย นโยบายของพรรคเน้นสร้างความเท่าเทียมระหว่างเชื้อชาติ ต่อต้านการคอร์รัปชั่น พยายามยกเลิกนโยบายเศรษฐกิจใหม่ และการศึกษาโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ
ในปี 1997 วิกฤตการเงินเอเชียส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมาเลเซียอย่างรุนแรง นายอันวาร์ อิบราฮิม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทำการปฏิรูปเศรษฐกิจ และใช้พระราชบัญญัติต่อต้านการทุจริตเพื่อเพิ่มอำนาจคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น รวมทั้งการยอมรับความช่วยเหลือจากกงทุนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งมหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นไม่เห็นด้วย ทำให้ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองคน จนมหาเธร์ปลดเขาออกจากตำแหน่ง
เหตุการณ์นี้นำไปสู่การถือกำเนิดของขบวนการรีฟอร์มาซี ต่อมาในปี 1999 อันวาร์ถูกจับกุมและถูกตัดสินจำคุกหกปีด้วยข้อหาคอร์รัปชัน ซึ่งหลายคนเชื่อว่ามีสาเหตุมาจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างอันวาร์กับมหาเธร์ ภายในขบวนการรีฟอร์มาซี นี้เองที่เกิดการก่อตั้งกลุ่มสังคมแห่งความยุติธรรม (Pergerakan Keadilan Sosial) โดยนางวัน อาซิซะห์ วัน อิสมาอิล แต่ไม่สามารถจดทะเบียนเป็นพรรคการเมืองได้ ขบวนการรีฟอร์มาซี เริ่มเข้าไปควบคุมพรรคการเมืองขนาดเล็กและเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคยุติธรรมแห่งชาติ ต่อมาได้ร่วมกับพรรคกิจกรรมประชาธิปไตย พรรคประชาชนมาเลเซีย และพรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย เพื่อจัดตั้งแนวร่วมฝ่ายค้านและลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 1999
ในระหว่างวันที่ 27–30 กันยายน 1999 นางวัน อาซิซะห์ วัน อิสมาอิล, โมฮาเหม็ด อัซมิน อาลี, ไฟรุส อีซุดดิน, ดร.บัดรูล อามีน บาฮารุน และนายเทียน ฉั่ว รองหัวหน้าพรรค รวมทั้งนักเคลื่อนไหวอีก 7 คน และโมห์ด เออซาม โมห์ด นอร์ ถูกจับกุมด้วยเหตุผลว่าเป็นการรักษาความสงบสำหรับการเลือกตั้ง การจับกุมเกิดขึ้นอีกในวันที่ 10 เมษายน 2001 โดยอ้างข้อตกลงความมั่นคงภายใน ผู้ถูกจับกุมในครั้งนี้ถูกเรียกกันว่า “รีฟอร์มาซี 10” แม้ผู้นำคนสำคัญหลายคนจะถูกจับกุม แต่พรรคยังคงลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 1999 และได้ที่นั่งในสภา 5 ที่นั่ง จากทั้งหมด 222 ที่นั่ง โดยได้รับคะแนนนิยมถึงร้อยละ 11.67 แนวร่วมฝ่ายค้านได้คะแนนนิยมรวมร้อยละ 40.21 พรรคปาสได้รับเลือก 27 ที่นั่ง และพรรคกิจกรรมประชาธิปไตยได้รับเลือก 10 ที่นั่ง จากทั้งหมด พรรคฝ่ายค้านได้รับที่นั่งรวมกัน 42 ที่นั่ง
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2002 การเจรจาระหว่างพรรคยุติธรรมแห่งชาติและพรรคประชาชนมาเลเซียเพื่อลงนามในการรวมทั้งสองพรรคเข้าด้วยกัน ต่อมาในวันที่ 3 สิงหาคม 2003 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชายุติธรรม จากนั้นพรรคนี้ได้เข้าร่วมการเลือกตั้งในปี 2004 แต่ได้รับเลือกที่นั่งเดียว ในวันที่ 2 กันยายน 2004 นายอันวาร์ อิบราฮิมได้รับการปล่อยตัว แต่ในปี 2006 เขาถูกตัดสินจำคุกอีกเก้าปีด้วยข้อหารักร่วมเพศ
เดือนธันวาคม 2005 พรรคจัดการประชุมระดับชาติครั้งที่ 2 โดยได้เสนอให้มีการปฏิรูปนโยบายเศรษฐกิจใหม่ให้มีความเท่าเทียมกันทางเชื้อชาติกันมากยิ่งขึ้น ในปี 2006 พรรคได้เข้าร่วมในการเมืองของรัฐซาราวักและได้รับเลือก 1 ที่นั่งในเมืองกูชิง ซึ่งประชากรในเมืองส่วนใหญ่เป็นชาวจีน แต่ในเขตเลือกตั้งอื่นของรัฐซาราวักนั้น แนวร่วมแห่งชาติยังคงครองที่นั่งไว้ได้ เนื่องจากรัฐซาราวัคเป็นฐานเสียงแนวร่วมแห่งชาติมาอย่างยาวนาน
ในการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกของพรรคด้วยการรับบุคคลทีสำคัญจากทั้งภายในและนอกวงการเมืองอย่าง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2006 นายคาลิด อิบราฮิม อดีตผู้บริหารของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เข้าร่วมกับพรรคในตำแหน่งเหรัญญิก ต่อมาดาตุก เคเอส นัลลาการูปัน อดีตสมาชิกสภาเยาวชนมาเลเซียเชื้อสายอินเดียและนายเจฟฟรีย์ กิตางัน เป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงและพี่ชายของเขาโจเซฟ ไพริน กิตางัน อดีตประธานของแนวร่วมแห่งชาติ และพรรครวมใจชาวซาบาห์ (Parti Bersatu Sabah) ได้เข้ามาร่วมกับพรรค
สำหรับการเลือกตั้งในปี 2008 พรรคได้ที่นั่งในรัฐสภาถึง 31 ที่นั่ง มากกว่าพรรคกิจกรรมประชาธิปไตยและพรรคปาส และได้เป็นพรรคที่บริหารและควบคุมรัฐกลันตัน เกดะห์ ปีนัง เประ และสลังงอร์ ร่วมกับพรรคกิจกรรมประชาธิปไตยและพรรคปาส โดยอันวาร์ได้รับคะแนนนิยม 26,646 คะแนน ในขณะที่อาริฟ โอมาร์ได้รับคะแนนนิยมเพียง 10,436 คะแนน ต่อมาในวันที่ 25 กรกฎาคม 2009 ดาตุก เอส เอส สุบรามานิอัน อดีตรองประธานของพรรคเอ็มไอซี และสมาชิกอีก 12 คน จากสาขาย่อยของพรรคเอ็มไอซีในเขตเปตาลิงจายา เมรู และแกลง ได้เข้าร่วมกับพรรคประชายุติธรรม จากนั้นการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2013 ซึ่งนำโดยนายอันวาร์ อิบราฮิม พรรคได้ที่นั่งในรัฐสภาถึง 30 ที่นั่ง และได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นเป็นร้อย 20.39 ทั้งยังเป็นปีที่พรรคฝ่ายค้านได้รับคะแนนนิยมสูงกว่าแนวร่วมแห่งชาติ ในอัตราร้อยละ 50.87 ต่อร้อยละ 47.38
ถึงแม้พรรคประชายุติธรรม จะก่อตั้งได้เพียงไม่นานแต่กลับได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก และสามารถขยายขนาดของพรรคได้อย่างรวดเร็วผ่านการทาบทามให้บุคคลที่มีชื่อเสียงทั้งในเละนอกวงการเมืองให้เข้าเป็นสมาชิกของพรรค นอจากนี้ตัวผู้นำพรรคฝ่ายค้านอย่างนายอันวาร์ อิบราฮิม ยังเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงและมากความสามารถ แม้ผู้นำพรรคและสมาชิกจะถูกดำเนินคดีจากหลากหลายข้อหา แต่กลับทำให้พรรคได้รับความนิยมจากประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2013 พรรคฝ่ายค้านมีคะแนนนิยมเหนือแนวร่วมแห่งชาติ
ฐิติพงศ์ มาคง
กรกฎาคม 2559
เอกสารสำหรับค้นคว้าเพิ่มเติม
MGR Online. (2556, พฤษภาคม 10). ปิดฉากเลือกตั้งใหญ่ “มาเลเซีย” กับความวุ่นวายทางการเมืองครั้งใหม่.
[ออนไลน์]. สืบค้นจาก: http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=...
People's Justice Party (Malaysia). Search on 29 June 2016, Retrieved from Wikipedia: https://en. wikipedia.org/wiki/People%27s_Justice_Party_(Malaysia).
พรรคยุติธรรมประชาชน (มาเลเซีย). สืบค้นเมื่อ 29 มิถุนายน 2559, จากวิกิพีเดีย https://th.wikipedia.org/wiki/
พรรคยุติธรรมประชาชน (มาเลเซีย)