ซันนี่ ไช่ (Sunny Chai) หรือ ซุม วิง ชัง (Sum Wing Chang) เป็นที่ทราบกันดีว่าเขาเป็นนักธุรกิจที่มีความสัมพันธ์อันดีกับชนชั้นสูงในสังคม รวมทั้งบรรดาผู้นำชุมชน นักการเมือง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง เขาถูกยกให้เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแบบไม่เหมือนใคร เนื่องจากธุรกิจหลายอย่างของเขาได้รับอนุญาตให้เป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย แต่อีกด้านหนึ่งเขาคืออาชญากรที่คอยอยู่เบื้องหลังแก๊งเอ็มสิบหก (M16) ซึ่งเป็นหนึ่งในแก๊งที่ประสบความสำเร็จที่สุดของมาเลเซีย
นอกจากธุรกิจต่างๆ เขายังมีร้านช่างทองอยู่ด้านบนของห้างสรรพสินค้าบูกิต บินตัง และร้านค้าอัญมณี ที่ ซูไง วัง พลาซ่า ทั้งสองร้านต่างเป็นร้านที่ใช้ปล่อยขายสินค้าที่ได้มาจากการปล้นร้านทองอื่นๆ ในช่วงต้นปี 2000 ที่พวกเขาเริ่มปล้นร้านทอง ใช้ระบบการดำเนินงานคล้ายกับปฏิบัติการทางทหารในรูปแบบที่มีความแม่นยำ และไม่ทิ้งเบาะแสใดๆ ที่อยู่เบื้องหลังให้สืบสวนได้ หลังจากนั้นก็เริ่มปล้นมากขึ้น ตำรวจรู้ดีว่ามันเป็นแก๊งเดียวกัน เพราะอาวุธที่พวกใช้เหมือนกันคือ ปืนกล M16 แต่ตำรวจยังไม่สามารถระบุที่มาของสมาชิกได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วตำรวจรู้จักผู้นำของแก๊งเป็นอย่างดี แน่นอนว่าเขาคือ ซันนี่ ชัย หลังจากที่ตำรวจจับกุมสมาชิกได้ พวกเขาเปิดเผยว่า ช่วงเวลา 18:00น. ซันนี่ ไช่ มักจะออกระดมปล้นร้านทองกับสมาชิกแก๊ง M16 ของเขา แต่ในช่วงสองทุ่มเขาจะไปรับประทานอาหารค่ำกับบุคคลสำคัญ ช่วงเวลานั้นเองที่ ซันนี่ ชัย ใช้การสนทนามาเป็นเครื่องมือ เขาถามเพื่อนๆ ของเขาเกี่ยวกับธุรกิจ และขั้นตอนการทำงานของตำรวจ เพื่อใช้ข้อมูลเหล่านั้นวางแผนการปล้นครั้งต่อไปให้ดียิ่งขึ้น
พันธมิตรของ ซันนี่ ไช่ ในการก่ออาชญากรรมของเขา คือ เอลวิส เค นักแม่นปืนจากประเทศสิงคโปร์และผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด พวกเขาร่วมกันคัดเลือกสมาชิกเจ็ดคน และดึงคนในแก๊งเอ็มสิบหก ระดมปล้นอาวุธทั่วประเทศ มักจะเป็นเอลวิสที่มีทักษะในการขโมยมากกว่า เพราะเขาได้รับการฝึกฝนด้านอาวุธและยุทธวิธีทางทหารมาเป็นอย่างดี เอลวิสสามารถขโมยได้มากกว่า 21 ล้านริงกิต ในช่วงปี 2000 และ 2002
ขณะเดียวกัน ซันนี่ ไช่ กลับมีวิธีการที่ก้าวร้าวอย่างเหลือเชื่อ ในสายตาของตำรวจและคนอื่น เขาเป็นเหมือนแก๊งยกเค้าธรรมดาทั่วไป แต่หลังจากที่ขโมยทองและเครื่องประดับได้ สิ่งของเหล่านั้นถูกวางขายอย่างเปิดเผยที่ร้านทองของเขา ภายใต้การควบคุมดูแลที่ซับซ้อน เขายังเป็นเจ้าของธุรกิจถูกกฎหมายอื่นๆ เช่น ร้านอาหารอาหารทะเล, ร้านค้าอุปกรณ์เสริมรถ, ร้านยาง, ศูนย์สนุ๊กเกอร์, ร้านทำผม, ร้านเครื่องปรับอากาศ และร้านบริการไฟฟ้า เป็นต้น
ในการดำเนินชีวิตที่เต็มไปด้วยความร่ำรวยและอวดดีกับความสำเร็จที่ได้รับมา เขาเริ่มติดยาเสพติด และเริ่มประมาทมากขึ้น เขาต้องการที่จะเปลี่ยนการปล้นไปเป็นการลักพาตัวและบังคับขู่เข็ญเพื่อนผู้ประกอบการของเขา เพื่อที่จะสร้างรายได้ให้มากขึ้น และด้วยความสำเร็จจากการปล้นของพวกเขา แก๊งก็เริ่มที่จะขัดแย้งกันในเรื่องของวิธีการดำเนินงาน ในเดือนตุลาคม 2002 มีการประลองเกิดขึ้นและแก๊งถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ด้านหนึ่งนำโดย ซันนี่ ชัย และอีกด้านหนึ่งนำโดย เอลวิส เค หลังจากการปล้นครั้งสุดท้ายในเดือนพฤศจิกายนที่พวกเขาตัดสินใจแยกทางกัน จนนำไปสู่การล่มสลายของแก๊ง และสิ่งที่เริ่มต้นจากการทำผิดพลาดต่างๆ ทำให้ตำรวจเริ่มสืบสวนและติดตามพวกเขาได้มากขึ้น
ในเดือนธันวาคมปี 2002 ขณะที่ ซันนี่ ไช่ พยายามหลบหนีจากการจับกุมของตำรวจ เขาถูกตำรวจไล่ล่า และสูญเสียการควบคุมทำให้เขาและสมาชิกแก๊งอีกคนถูกยิงตาย สมาชิกแก๊งคนอื่นๆ รวมถึง เอลวิส เค หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ตำรวจเชื่อว่าพวกเขาได้หลบหนีออกไปต่างประเทศ หรืออาจจะถูกลอบสังหารโดยมือปืนไทยที่ ซันนี่ ชัย ว่าจ้างให้ฆ่าผู้ที่หักหลังเขา
โดยสรุป ซันนี่ ไช่ เป็นหนึ่งในอาชญากรที่ท้าทายกฎหมายไม่น้อย เบื้องหน้าเขาคือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่เบื้องหลังของเขาไม่ต่างจากโจรผู้ร้าย ทั้งยังใช้ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคนที่มีอำนาจ มาใช้วางแผนก่อเหตุอาชญากรรมได้มากมาย
มนัสวี นาคสุวรรณ์
มิถุนายน 2559