นัม กาม (Năm Cam) เกิดเมื่อวันที่ 22 เมษายน 1947 ในครอบครัวที่ยากจนบริเวณกรุงไซ่ง่อนในอดีต หรือกรุง โฮจิมินห์ซิตี้ในปัจจุบัน เขาถูกจับกุมเป็นครั้งแรกขณะอายุ 15 ปี ข้อหาฆ่าคนตายด้วยอาวุธมีคม ชื่อเสียของเข้ากระฉ่อนไปทั่วและในที่สุดก็ถูกพิพากษาจำคุกสองปี ในปี 1966 เขาได้รับการปล่อยตัวและเข้าสมัครเป็นทหารในกองทัพแห่งสาธารณรัฐเวียดนาม (Army of the Republic of Vietnam - ARVN) เป็นกองทัพประชาธิปไตยแห่งเวียดนามใต้ที่ต่อสู้กับกองทัพคอมมิวนิสต์แห่งเวียดนามเหนือ หลังการพ่ายแพ้สงครามของกองทัพเวียดนามใต้ในไซ่ง่อนทำให้เขาถูกกองทัพเวียดนามเหนือจับเป็นเชลยและถูกปลูกฝังอุดมการณ์แบบใหม่จากรัฐบาลเวียดนามเหนือ
จากนั้นเขากลับเข้ามาเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมอีกครั้ง ทั้งการฆาตกรรม ทำร้ายร่างกาย ค้ายาเสพติด ค้าประเวณี กรรโชกทรัพย์ การพนัน เก็บค่าคุ้มครองจากบ่อนพนัน เป็นผู้อยู่เบื้องหลังอาชญากรและการค้ามนุษย์ จนเขาถูกจับกุมอีกครั้งในปี 1994 และได้รับความช่วยเหลือจากนายทราน ไม ฮานห์ (Tran Mai Hanh) ผู้อำนวยการวิทยุเสียงแห่งเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็นการติดสินบนเจ้าหน้าที่ในระหว่างการพิจารณาคดี จนได้รับการประกันตัวและเขาถูกปล่อยตัวออกมาในปี 1997
คดีฆาตกรรมผู้หญิงที่ชื่อ ดุง ฮา (Dung Ha) มาเฟียคู่แข่งของเขา ซึ่งมีชื่อเสียงอยู่ในไฮฟองภาคเหนือของเวียดนาม เธอได้ย้ายลงใต้ไปยังโฮจิมินห์ซิตี้เพื่อเข้าร่วมกับกองกำลังนัม ที่หวังว่าจะให้เธอทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมและดูแลการขยายตัวของคาสิโนของเขาในภาคเหนือ แต่ดุง ฮา ต้องการจะสร้างชื่อเสียงแก๊งให้เพิ่มมากขึ้นด้วยการสร้างความอับอายแก่นัม กาม อย่าง การส่งของขวัญโดยใส่หนูไว้ในกล่องและส่งไปให้ นัม กาม ในร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงโฮจิมินห์ซิตี้ ซึ่งสร้างความอับอายและความโกรธแค้นแก่นัม กาม ได้ตามที่เธอต้องการ เขาจึงสั่งให้ลูกน้องไปสังหารเธอ Dung ฮา จนวันที่ 2 ตุลาคม 2000 มีผู้ชายสองคนเดินลงจากรถจักรยายนต์ที่จอดอยู่ใกล้กับจุดที่เธอกำลังนั่งอยู่ หนึ่งในนั้นได้กระชากเธอลงจากเก้าอี้และจ่อยิงปืนพก 9 มม. เข้าที่ศีรษะของเธอในระยะเผาขน จากนั้นทั้งคู่ก็หลบหนีไปพร้อมกับค่าจ้างงอีก 20,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ กระทั่งวันที่ 4 มิถุนายน 2003 จากภาพภายในกล้องวงจรปิดทำให้เขาได้รับการตัดสินเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังของคดีฆาตกรรมดุง ฮา แต่ความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงและการติดสินบนเจ้าหน้าที่ของรัฐทำให้เขาหลุดจากข้อกล่าวหาไปได้
นัม กาม เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้มีอิทธิมากที่สุดคนหนึ่งของเวียดนาม นักพนันอาวุโสและเสือผู้หญิงจนทำให้เขามีลูกถึงแปดคน ทั้งยังมีความสัมพันธ์กับนักการเมืองระดับสูงในพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมกว่า 150 คน ที่มีบทบาทต่อการออกนโยบายและกฎหมายจากรัฐสภา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในปกรุงโฮจิมินห์ซิตี้และบริเวณใกล้เคียงมากกว่าตำรวจจากต่างจังหวัด ทำให้การเข้าจับกุมเขาในแต่ละครั้งต้องนำกำลังตำรวจจากนอกพื้นที่ดังกล่าวมาแทน ในปี 2002 เช่น นายบ้วย ครวก ฮุย (Bui Quoc Huy) รองผู้บัญชาการตำรวจของกรุงโฮจิมินห์ซิตี้ ซึ่งเมินเฉยต่อบ่อนพนันผิดกฎหมายของนัม กาม และนายทราน ไม ฮานห์ (Tran Mai Hanh) ผู้อำนวยการวิทยุเสียงแห่งเวียดนามที่รับสินบนเป็นเงินกว่า 6,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ และนาฬิกาโอเมก้ามูลค่ากว่า 2,500 ดอลล่าร์สหรัฐฯ รวมทั้งนายฟาม ซี เชียน (Pham Sy Chien) ที่ช่วยเหลือเขาระหว่างถูกจับเป็นเชลยสงครามด้วยความสัมพันธ์ดังกล่าวนำไปสู่การปลดทั้งสามคนออกจากข้าราชการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 80 คน ถูกตรวจสอบความเกี่ยวข้องกับนัม กามและอีก 109 คน ถูกจับกุมในข้อหาคอรัปชั่น นอกจากนี้ในปี 1999-2001 นัม กาม ยังมีเงินหมุนเวียนภายในคาสิโนของเขากว่า 153,300 ดอลล่าร์สหรัฐฯ และใช้เงินกว่า 26,500 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ในการติดสินบนติดสินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งอีกกว่า 33,400 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ในการสินบนให้กับนักการเมืองภายในรัฐสภา
ส่งผลให้พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามมีความกังวลถึงกระแสต่อต้านรัฐบาลจากประชาชนที่อาจเกิดขึ้นด้วยปัญหาคอรัปชั่นที่ถูกเปิดโปง เพื่อลบล้างข้อกังขาดังกล่าว รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จึงต้องพิสูจน์ว่าพวกเขากำลังมุ่งมั่นที่จะกำจัดการก่ออาชญากรรมและการทุจริตคอรัปชั่นให้สิ้น อันเป็นตัวสำคัญของความไม่พอใจในหมู่ชาวเวียดนาม นำมาสู่การจับกุมเขาในกรุงฮานอย จนกระทั่งวันที่ 7 พฤษภาคม 2004 นายเจิ่น ดึ๊ก เลือง ประธานาธิบดีของเวียดนามในขณะนั้น สั่งให้ศาลปฏิเสธการอุทธรณ์ของนัม กาม ต่อมาในวันที่ 3 มิถุนายน 2004 นัม กาม ถูกประหารชีวิตด้วยการยิงด้วยปืนไรเฟิลภายในกรุงโฮจิมินห์ซิตี้ พร้อมกับสมาชิกแก๊งของเขาอีกสี่คน คือ ฟาม วัน มินห์, เหงียน ฮู ตินห์, เจาว พัท ไหล่ เอิม และเหงียน เวียต ฮุง ซี่งเป็นหนึ่งในคนสังหารดุง ฮา นับเป็นตอนจบของตำนานมาเฟียแห่งโฮจิมินห์ซิตี้ในวัย 57 ปี
ฐิติพงศ์ มาคง
พฤษภาคม 2559